การปลูกหน่อไม้ฝรั่ง ที่จะให้ผลผลิตหน่อสีขาว หรือสีเขียวนั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไป ถ้าต้องการให้ได้หน่อสีขาว ก็ต้องพูนโคนกลบดินให้สูงประมาณ 30 เซนติเมตรเพื่อปิดบังแสงแดดไม่ให้หน่อไม้สังเคราะห์แสงได้ก่อนเก็บผลผลิต ในประเทศเขตอบอุ่น เช่น ในยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น จะเก็บหน่อมาใช้ประโยชน์ได้เฉพาะในฤดูใบไม้ผลิ ในขณะที่ประเทศไทยนั้นสามารถปลูกและเก็บเกี่ยว หน่อไม้ฝรั่งได้ตลอดทั้งปี
หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชค่อนข้างใหม่สำหรับเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสมในประเทศไทย ที่อยู่ในขั้นกำลังพัฒนา แม้ว่าจะมีการปลูกหน่อไม้ฝรั่งในประเทศไทยจะมีมานานแล้ว แต่วีธีการปลูกหน่อไม้ฝรั่ง พันธุ์ที่ใช้ปลูก การปฏิบัติดูแล รักษา ตลอดจนเทคนิคต่างๆ ในการเพิ่มผลผลิตและวิธีการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อให้ได้หน่อที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดเป็นที่ต้องการของตลาดนั้น ยังไม่เป็นที่เปิดเผยมากนัก
สายพันธุ์และลักษณะประจำพันธุ์ของหน่อไม้ฝรั่ง
1. แมรี่วอชิงตัน (Marywashington) มีลักษณะต้นแข็งแรง ต้านทานโรคดี หน่อมีความสม่ำเสมอ ยอดตรงแน่น เป็นพันธุ์แรกที่ถูกนำเข้ามาปลูกในประเทศไทย พันธุ์นี้ให้ผลดีพอสมควรเหมาะที่จะปลูกทั้งแบบหน่อขาวและหน่อเขียว แต่ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากให้ผลผลิตต่ำกว่าพันธุ์อื่น สายพันธุ์เป็นพันธุ์ผสมเปิด
2. พันธุ์บร๊อคอิมพรู๊ฟ (Brock’s improved) พันธุ์นี้ให้ผลผลิตสูง เติบโตเร็ว หน่อใหญ่สม่ำเสมอ แข็งแรง เป็นลูกผสมชั่วที่ 1 ให้ผลผลิตสูงมาก ทำให้เมล็ดพันธุ์มีราคาแพงมาก เกษตรกรทั่วไปนิยมใช้พันธุ์นี้ปลูก เป็นพันธุ์ที่ใช้ปลูกทั้งแบบหน่อขาวและหน่อเขียว
3.ยูนิเวอร์ซิตี้ออฟแคลิฟอเนียเบอร์ 309 (California 309) จะมีลักษณะแข็งแรงดี ต้นเขียวอ่อน มีขนาดใหญ่ มีแนวโน้มในการให้ผลผลิตที่ดีกว่าและขนาดของหน่อใหญ่ สามารถปลูกได้ทั้งแบบหน่อขาวและหน่อเขียว เป็นพันธุ์ผสมเปิด
4.ยูนิเวอร์ซิตี้ออฟแคลิฟอเนียเบอร์ 500 (Califormia 500) ถือเป็นสาวพันธุ์ที่มีอายุเก็บเกี่ยวเร็วสุด ขนาดหน่อไม่ใหญ่ ปลายหน่อมีสีม่วงอ่อน สามารถปลูกได้ทั้งแบบหน่อขาวและหน่อเขียว เป็นพันธุ์ผสมเปิด
5. ไฮบริดอิมพีเรียล (Hybrid Imperial) ให้ผลผลิตค่อนข้างสูงกว่าพันธุ์อื่น พันธุ์นี้สามารถปลูกได้ทั้งแบบหน่อขาวและหน่อเขียว เป็นพันธุ์ลูกผสมชั่วที่ 2
ดินที่เหมาะสมต่อการปลูกหน่อไม้ฝรั่งขาว นั้นเป็นดินที่มีเนื้อดินร่วนจนถึงดินเหนียวร่วน แต่ก็สามารถปลูกได้ในดินเกือบทุกชนิด การจัดการดินต้องทำหน้าดินลึกและมีการระบายน้ำได้ดี มีความอุดมสมบูรณ์ระดับปานกลางขึ้นไป ส่วนดินที่มีการระบายน้ำและอากาศไม่ดี มีน้ำขัง มีชั้นดินดานข้างใต้ เป็นกรดและด่างจัดจะปลูกได้ไม่ดีนักทำให้พืชเจริญเติบโตช้าและให้ผลผลิตต่ำ
ควรเตรียมแปลงเพาะกล้าสำหรับปลูกโดยเป็นที่โล่งแจ้ง ไม่มีร่มเงาของต้นไม้ และอาคารหรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ ควรอยู่ใกล้แหล่งน้ำ ทำการขุดหน้าดินและหมักดินโดยการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่หมักสมบูรณ์แล้วทิ้งระยะไว้ประมาณ 20-25 วัน กำจัดหญ้าวัชพืชต่างๆ ให้หมด เมื่อได้แล้วก็เริ่มทำการขุดโดยให้ระยะปลูกที่เหมาะสมคือ 50×150-200 เซนติเมตรต่อ 1 หลุม โดยการขุดดินลึกประมาณ 30-35 เซนติเมตร รองพื้นด้วยปุ๋ยและหน้าดิน ให้หลุมปลูกมีความลึกเหลือประมาณ 10-15 เซนติเมตร กว้างยาวประมาณ 15 เซนติเมตร และให้ทำเนินกลางหลุมก่อนวางกล้าปลูก จะปลูกด้วยการหยอดเมล็ด หรือกล้าที่มีอายุ 4-6 เดือนก็ได้
เทคนิคการปลูกหน่อไม้ฝรั่งให้ได้สีขาว คือการขุดหลุมลึกและกลบดินให้สูงกว่าปกติทั่วไป ทำให้หน่อไม้อยู่ใต้ดินสัมพันธุ์ ซึ่งความสูงจากระดับดินปกติจะสูงประมาณ 25-30 เซนติเมตร (ไม่นับรวมความลึก) โดยการพูนดินโคนจะทำ 2-3 ครั้งพร้อมกับการกำจัดวัชพืชและการใส่ปุ๋ย
อายุเก็บเกี่ยวตามแต่ละสายพันธุ์ โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 8-10 เดือนหลังจากเพาะเมล็ด หรือปลูกด้วยกล้า การเก็บเกี่ยวควรทำช่วงเช้าไม่เกิน 10.00 น. เมื่อเห็นยอดหน่อโผล่พ้นดินประมาณ 0.5 เซนติเมตรให้ขุดดินเก็บหน่อได้และทำการกลบดินไว้ดังเดิม และควรเก็บหน่อไว้ที่ไม่มีแสงแดด
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น